“แฮ่ม ต่อไปนี้จะเป็น พิธีมงคลสมรส มิสเตอร์ฮวางจองกับมิสยูซ๊อกรัน”
“อ้อ เชิญเลยครับ” มองชง กล่าวเมื่อเห็นโดยังมา
“พอดีผมติดงานนิดหน่อย ยินดีด้วย” โดยังกล่าว
“ขอบคุณมาก” ฮวางจอง กล่าว
“ขอบคุณมากนะคะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“หมออัลเลน คงจะไม่มีใครแล้ว เริ่มต้นได้เลยครับ” โดยัง กล่าว
“ตกลงครับ วันนี้แขกทุกท่านที่มา คงจะรู้สึกเซอร์ไพร้ส์กันอย่างมาก ที่จริงผมเองก็ไม่ต่างกัน ในด้านนึงถึงแม้จะรู้สึกเสียดายบ้าง แต่วันนี้ การที่คุณหมอฮวางกับคุณหมอยู กำลังจะได้เป็น... สามีภรรยากัน ต้องบอกว่าเป็นวัน...ที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ผมขอให้ทุกคนปล่อยวางความตื่นเต้น และความตึงเครียดลงก่อน เพื่อจะมาร่วมอวยพรให้กับ ทั้งเจ้าบ่าว...และเจ้าสาวของเราในวันนี้ อย่างนี้ดีมั้ยครับ คุณแม่ของเจ้าสาว” หมออัลเลน กล่าว
“แต่ตอนนี้ฉัน..ไม่มีอารมณ์จะยิ้มนี่” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“ยังไงท่านก็ต้องยิ้มครับ เพราะยังไงซะ การแต่งงานนี้คือสิ่งที่เรารอมานาน” หมออัลเลน กล่าว
“นั่นสิคะ ยิ้มหน่อยสิคะ แบบนี้เจ้าบ่าวเจ้าสาว จะได้สบายใจไงล่ะคะ” มักเซง กล่าว
“ท่านแม่คะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ก็ได้ ข้ายิ้ม ข้าจะยิ้ม...ก็ได้ โอเคมั้ย?” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ้โหนายหญิง ยิ้มเหมือนดอกไม้บานเลยครับ ฮะ ๆ” มองชง กล่าว
“อืม แบบนี้ก็ดีแล้วครับ ต่อไปจะเริ่มต้นพิธี...มงคลสมรสของ เจ้าบ่าวฮวางจอง และเจ้าสาวยูซ๊อกรัน เชิญเจ้าบ่าว และเจ้าสาว หันหน้าเข้าหากันครับ เจ้าบ่าวเจ้าสาว คำนับกันและกัน พิธีมงคลสมรส ของเจ้าบ่าว ฮวางจอง และเจ้าสาวยูซ๊อกรัน ปีคับซิน...ตามปฏิทินโชซอน นับจากวันที่..ลูกชายของคนฆ่าสัตว์ ได้พบกับบุตรสาวของ ขุนนางล่ามหลวง เป็นครั้งแรกในตอนนั้น”
“ข้า...ฮวางจอง ขอรับยูซ๊อกรัน มาเป็นภรรยา และจะขอทำหน้าที่ของสามี จะคอยรักเธอ คอยช่วยเหลือเธอ คอยทะนุถนอมเธอ และปกป้องเธอไว้ โดยจะถือสตรีผู้นี้ เป็นภรรยาของข้า ตราบกระทั่ง ชีวิตนี้จะหาไม่ นี่เป็นคำสาบานของข้าครับ” ฮวางจอง กล่าว
“ข้า ยูซ๊อกรัน จะถือฮวางจองเป็นสามี จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี จะคอยรักเขา ช่วยเหลือเขา คอยทะนุถนอมเขา ให้ความเคารพเขา และจะขอถือเขาเป็นสามี ไปชั่วชีวิต ตราบจนกระทั่งวันสุดท้าย นี่เป็นคำสาบานของข้า”
“ข้า ฮวางจอง ยูซ๊อกรัน จะให้เกียรติกันและกัน จะรักใคร่กันและกัน เพื่อสร้างครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความสุข จะเป็นผู้อุทิศ..และคอยเสียสละ ขอให้ทุกคนเป็นพยาน และนี่เป็นคำ...” ฮวางจอง และซ๊อกรัน กล่าวพร้อมกัน
“สาบานของพวกเรา” ซ๊อกรัน กล่าว
“สาบานของพวกเรา” ฮวางจอง กล่าว
“ได้เตรียมแหวนกันมารึเปล่า? เอาล่ะ ตอนนี้ ทั้งเจ้าบ่าว...และเจ้าสาว คิสกันได้แล้ว” หมออัลเลน กล่าว
“คุณหมอฮวาง พิธีตะวันตกมันต้องทำน่ะ ท่านอย่ามัวชักช้าสิ” โดยัง กล่าว
“แต่ แต่ว่านี่มัน” ฮวางจอง กล่าว
“ซ๊อกรันจ๊ะ” ซึงยอง กล่าว
“แต่แม่ข้าอยู่นี่นะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ้ว แม่ไม่เห็นหรอก แม่ไม่เห็น”
“แม่” ซ๊อกรัน กล่าว
“แม่” ซ๊อกรัน กล่าว
“คุณหมอฮวาง จะให้พิธีสมรสต้องล้มเหลวในตอนจบเหรอครับ?” หมออัลเลน กล่าว
“เอ่อ ไม่ใช่หรอกครับ ๆ แหะ...” ฮวางจอง กล่าว
“มิสยูซ๊อกรันล่ะ?” หมออัลเลน ถาม
“ไม่ใช่ค่ะ”
“ถ้างั้น คิสกันได้แล้วครับ” หมออัลเลน กล่าว
ซ๊อกรัน เข้ามาขอบคุณโดยัง ที่ได้ช่วยให้งานแต่งงานได้ราบรื่น
“ขอบคุณอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงเจจุงวอน ไปเที่ยวให้สนุก” โดยัง กล่าว
“คุณหมอเบ๊ก ขอบคุณมาก ท่านคือคนที่ข้ารู้สึกอยากขอบคุณและขอโทษที่สุด” ฮวางจอง กล่าว
“อย่ามัวเสียเวลาเลย รีบเดินทางกันเถอะ” โดยัง กล่าว
“เอ่อ ข้าคิดว่าอาจจะไม่ได้กลับไปโรงพยาบาลเจจุงวอนอีกต่อไปแล้ว ข้าได้บอกกับ ผอ. เอวิสันแล้วว่า ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับข้าจริง เจจุงวอนก็...ฝากกับท่านด้วยนะ ต้องรบกวนท่านแล้วนะ คุณหมอเบ๊ก” ฮวางจอง กล่าว
“พวกท่านไปเถอะ” โดยัง กล่าว
โดยัง กลับมาที่เจจุงวอน พบชักแท โก รออยู่“งานแต่งงานของพวกเราสำเร็จราบรื่นดี” โดยัง กล่าว
“โอ๊ย เราเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ” ชักแท กล่าว
“ราบรื่นดีก็ดีแล้ว” นังนัง กล่าว
“มันต้องปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ข้ากับอีควักกลับต้องจัดงานแต่งปลอม ๆ” มียอง กล่าว
“นั่นสิ มียองคงจะลำบากแย่” โดยัง กล่าว
“แต่นับจากนี้ไป คุณหมอฮวางคง...จะกลับมาเจจุงวอนไม่ได้แล้วสิ” โก กล่าว
“ใช่คิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้น แต่ในส่วนของคุณหมอยู ทำเรื่องเป็นลาพักเอาไว้แปลว่าเธอต้องกลับมา แบบนี้อาจจะทำให้ปลอดภัยกว่า” โดยัง กล่าว
“เฮ้อ สำหรับคนที่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเค้า มันเป็นเรื่องที่รู้สึกน่าเสียดายจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าพวกเค้าต้องจัดงานแต่งงานแบบนี้” โก กล่าว
“เรื่องที่น่าเสียดายมันมีอยู่เยอะแยะไป เฮ้อ คุณหมอฮวางเป็นผู้นำกลุ่มพวกข้ามาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ดันเป็นผู้นำกองกำลังได้ หวังว่าคงจะไม่ต้องไปอดอยากนะ” ชักแท กล่าว
“คนที่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้คือคุณหมอยูต่างหากล่ะ ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นคนรักกันแน่...ให้มันน้อยหน่อยเถอะ” มียอง กล่าว
“ข้าก็แค่เป็นห่วงเพื่อนข้านี่นา ข้าน่าจะตามเค้าไปด้วย พักนี้เอาแต่ห่วงจนผมแทบร่วงไปหมดแล้ว” ชักแท กล่าว
ฮวางจอง พาซ๊อกรัน มาที่หลุมฝังศพของพ่อและแม่ของตน
“ท่านพ่อครับ ท่านพ่อเคยบอกว่า คุณหนูยูซ๊อกรันคือนางฟ้าที่สวยที่สุด ที่ลงมาจากสวรรค์ใช่รึเปล่าครับ แต่ตอนนี้ นางฟ้าองค์นี้มาเป็นภรรยาของข้าแล้ว ท่านแม่ครับ เฮ้อ...ท่านแม่ของข้า ท่านเคยหวังอยากจะเห็นข้าแต่งงาน ท่าน...ดูสิครับ ผู้หญิงคนที่สวยที่สุดในโลก แถมเป็นคนใจดีที่สุด และฉลาดที่สุด คือภรรยาของข้า แม่เห็นมั้ยครับ ดีใจใช่มั้ยครับ ท่านพ่อท่านแม่ คงจะดีใจจนลุกขึ้นมาเต้นระบำกันอยู่ใช่รึเปล่า?” ฮวางจอง กล่าว
“ท่านพ่อคะ ท่านแม่คะ ข้าจะคอยตั้งใจ ดูแลฮวางจองให้เองค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
ซ๊อกรัน เดินหกล้ม ฮวางจองรีบเข้ามาดู “เอ๊ะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“อู้ย คงจะไม่ไหวแน่ ขี่หลังข้าดีกว่า” ฮวางจอง กล่าว
“โธ่ ไม่เป็นไรหรอก” ซ๊อกรัน กล่าว
“ข้าก็แค่...อยากจะหาโอกาสมาแบกภรรยาของข้าดูนี่นา เพราะนี่เป็น...ความฝันของข้าตั้งแต่เด็กแล้ว ข้าเคยฝันว่าจะแบกภรรยาของตัวเองทุก ๆ วันเลยนะ” ฮวางจอง กล่าว
“ห้ามรู้สึกว่าหนักแล้วปล่อยข้าลงล่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“อูย โอ๊ย ๆ ๆ อะไรเนี่ย ๆ” ฮวางจอง ร้องออกมา
“หนักก็ปล่อยเถอะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ฮั่นแน่ อย่าหวังว่าจะได้ลงมาเดินเองเลย” ฮวางจอง กล่าว
“หนักจริง ๆ ใช่มั้ย?” ซ๊อกรัน ถาม
“ข้าแค่ล้อเล่นหรอก ไม่ได้หนักเลยสักนิดเดียว เบาเหมือนกับแบกขนนกเลย อื้ม” ฮวางจอง กล่าว
แม่ซ๊อกรัน เห็นหลักฐานของกลุ่มทหารอาสาของฮวางจองก็ตกใจ
“โอ๊ย ตอนแรกข้าก็รู้สึกดีใจมาก...ที่จะได้เห็นซ๊อกรันเข้าพิธีแต่งงาน แต่นี่มันอะไรเนี่ยมักเซง”
“โอ๊ย ตอนแรกข้าก็รู้สึกดีใจมาก...ที่จะได้เห็นซ๊อกรันเข้าพิธีแต่งงาน แต่นี่มันอะไรเนี่ยมักเซง”
“มันเป็นเพราะสถานการณ์ค่ะ ช่วยไม่ได้นี่นา” มักเซง กล่าว
“ลูกเขยฮวางจองก็จริง ๆ เลย จะแต่งงานแล้วยังไปเข้ากลุ่มทหารอาสาอีก ไม่รู้รึไงว่าพ่อตาเค้าต้องตายไปก็เพราะแบบนี้ ถ้าซ๊อกรันต้องเป็นม่ายไปจะทำยังไงล่ะ?” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“นายหญิงอย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิ” มักเซง กล่าว
“ถ้ามันกลายเป็นอย่างนั้นจริง คราวนี้ข้าจะให้ซ๊อกรันแต่งงาน กับคุณชายโดยังให้ได้เลย”
“นายหญิง” มักเซง กล่าว
“แล้วข้าพูดเกินไปรึไง? แต่เมื่อกี้ ข้าเห็นเค้าที่ไปยืนอยู่ด้านหลังของลูกเขยข้า เห็นแล้วรู้สึกสงสารเค้าจัง” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“ค่ะ ข้าเองก็รู้สึกอย่างนั้น” มักเซง กล่าว
“เพราะแบบนี้ข้าถึงได้พูดออกไปไง ถ้าซ๊อกรันต้องกลายเป็นม่าย ข้าต้องจับคู่พวกเค้าให้ได้ โลกในสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนเป็นม่ายก็สามารถแต่งงานใหม่ได้” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“นายหญิง ท่านน่ะยอมปล่อยคุณหมอเบ๊กไปดีกว่านะคะ”
“เวลาที่กำลังกลัว มันคิดอะไรไม่ออกเลยนี่ แต่จะว่าไป ซ๊อกรันคงไปถึงอย่างปลอดภัยใช่มั้ย?”
“ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ ข้าสั่งให้คนในบ้านปิดปากสนิทเลย นายหญิงเองก็อย่าหลุดไปนะ”
“โธ่เอ้ย ข้ารู้แล้ว รู้หรอกน่า แต่ถ้าพูดอีกอย่างนึง ถ้าเป็นฐานะภรรยาในกองทัพอาสา ข้าก็เป็นรุ่นพี่ของซ๊อกรันใช่มั้ย?”
“รุ่นพี่เหรอ หึ คงใช่มั้งคะ” มักเซง กล่าว
“เฮ้อ..”
“อืม คุณหนูของเราได้แต่งงานแล้ว ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ”
“อืม ครับ ข้าได้ส่งพวกเค้าไปที่เชิงเขาที่ฝังศพพ่อแม่ของเค้าแล้ว หลังจากนั้นพวกเค้าก็บอกว่าจะเดินทางต่อไปกันเอง”
“เฮ้อ ให้ไปเองได้ยังไง หะ?” โอ ถาม
“โธ่เอ้ย ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้า จัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงได้กลับมาน่ะ” มองชง กล่าว
“พูดแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เอ่อ แต่นี่พวกเค้า ได้บอกมั้ยว่าจะมาที่นี่เมื่อไหร่?”
“เค้าว่าขอเตรียมตัวก่อน อีกสองสามวันถึงจะกลับมาที่นี่” มองชง กล่าว
“งั้นเหรอ ตอนนี้ยิ่งไม่ค่อยมีเวลากันเท่าไหร่แล้วด้วย เจ้ามั่นใจแน่นะว่าพวกเค้าปลอดภัย”
“ครับ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก รับรองว่าปลอดภัย” มองชง ยืนยัน
ฮวางจอง และซ๊อกรัน เดินทางมาถึงบ้านเบ๊กเทและชาวบ้าน ก็ถูกต้อนรับอย่างดี
“เชิญเข้ามาได้ ฮะ ๆ”
“ท่านมาแล้วเหรอ?” ชายคนหนึ่ง กล่าว
“มากันแล้วเหรอค่ะ?” หญิงชาวบ้านอีกคนมาทัก
“ยินดีที่ได้พบครับ”
“อืม ๆ สบายกันดีรึเปล่า? เราต้องมา รบกวนพวกท่านแบบนี้ ต้องขอโทษด้วยครับ” ฮวางจอง กล่าว
“อึย อะไรกัน ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำให้พวกเรา แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก นอกจากท่านจะช่วยรักษาลูกให้เราแล้ว ยังเคยช่วยรักษาคนในหมู่บ้านเราด้วย”
“แต่พวกเรามีแค่ ห้องซอมซ่อมมาเป็นห้องหอให้พวกท่าน ต้องขอโทษด้วยนะ” หญิงชาวบ้านกล่าว
“ไม่หรอกค่ะ ห้องเล็กน่ารักดี ข้าชอบมันมากเลย” ซ๊อกรัน กล่าว
“เจ้าจุดเตา เพิ่มความอุ่นรึยัง?” เบ๊กเท ถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ” ชายชาวบ้านกล่าว
“กับข้าวก็เตรียมไว้แล้ว ข้าวก็เอามาแล้ว” หญิงชาวบ้านกล่าว
“ขอโทษที่ต้องให้ท่านทำแทนนะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ขอโทษอะไรกัน ถ้าต้องการอะไรเพิ่ม ก็บอกมาได้เลยนะ” หญิงชาวบ้าน กล่าว
“ค่ะ” ซ๊อกรันกล่าว
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ออกไป ใช่ พวกเราต้องออกไปแล้ว เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวพักผ่อนกัน...ให้เต็มที่กันเลยนะ ฮิ ๆ” ชายชาวบ้าน กล่าว
“พักผ่อนกันให้เต็มที่นะคะ”
“ครับ ค่อย ๆ เดินนะครับ เอ่อ...ห้องนี้มัน ดูเล็กไปนิดนึงนะ หึ ๆ ๆ ต้องพาท่านมาอยู่ ห้องเล็กแบบนี้ ต้องขอโทษด้วยนะ” ฮวางจอง กล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าคิดว่ามันดีออกนี่นา นี่ถือเป็นที่พิเศษของพวกเรา ใช่รึเปล่าคะ?” ซ๊อกรัน กล่าว
“ครับ”
เจอุ๊ก จะนำเหล้าไปให้โดยัง แต่เขาเดินออกมาพอดี
“ทำไมล่ะ?” โดยังถาม
“ทำไมอะไรกัน ตอนนี้ยูซ๊อกรันกำลังเข้าห้องหอกับคุณหมอฮวางจอง เฮ้อ...เอ่อ ข้านี่มันปากเสียจริง ๆ เอ่อ รอข้าเดี๋ยวนะ เสร็จธุระแล้วจะรีบมา” เจอุ๊ก กล่าว
“ไปเถอะ” โดยัง บอก
ที่บ้านของชาวบ้าน ซ๊อกรัน และฮวางจอง ช่วยกันจัดที่นอน
“นี่คงจะเป็นผ้าห่มใหม่ มันนุ่มมากเลยค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ้ อูย นุ่มมากจริง ๆ ด้วย” ฮวางจอง กล่าว
“ทำไมถึงนั่งตรงนั้นล่ะ” ซ๊อกรัน ถาม
“อ้อ คือข้าต้องเช็ดให้เท้าแห้งก่อนน่ะ อูย ๆ” ฮวางจอง กล่าว
“คิก...” ซ๊อกรัน แอบหัวเราะ
“เอ่อ อะไรเหรอ?” ฮวางจอง ถาม
“เช็ดจนไฟลุกแล้วมั้ง” ซ๊อกรัน แกล้งประชด
“อ้อ อันนี้เหรอ ก็ถ้าไม่เช็ดเท้าให้แห้งก่อน เดี๋ยวจะเป็นแบคทีเรีย ท่านก็รู้นี่นา อูย ๆ เช็ดเรียบร้อยแล้ว เฮ้อ...เรา เข้านอนกันดีมั้ย?”
“อืม เหนื่อยแล้วล่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“แหมพวกเค้านี่ก็ น่าจะมีที่นอนมาให้อีกสักชุด แค่เอามาอีกชุดนึงก็นอนสบายขึ้นเยอะแล้ว จริงมั้ย?”
“ท่านนี่ก็ สามีภรรยาก็ต้องนอนอันเดียวกันสิ” ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ้ย ข้าลืมไปเลย ฮะ ๆ แหม ข้าลืมไปเลยเนี่ย ฮะ ๆ โอ้ย...แหะ ๆ วันนี้คุณหมอยู คงจะรู้สึก เหนื่อยมากเลยสินะ”
“ไม่ซักหน่อย มันเป็นงานแต่งที่สวย งามแล้วก็มีค่ากับข้ามากเลย เอ่อ พวกเราก็แต่งงานกันแล้ว ทำไมต้องใช้คำสุภาพอยู่อีกล่ะ”
“เอ่อ ข้าเหรอครับ ให้ข้าเลิกใช้ศัพท์พวกนี้กับคุณหมอยูข้าคง...ทำไม่ได้หรอกครับ”
“แต่ข้ารู้สึกไม่คุ้นนี่นา”
“ถ้าท่านรู้สึกไม่คุ้น ก็ช่วยทนหน่อยเถอะครับ” ฮวางจอง กล่าว
“คุณหมอยูครับ สำหรับข้าคุณหมอยูก็คือ ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า และยังเป็นผู้ที่ทำให้ข้าได้ก้าวเดินมาบนเส้นทางของหมอ และยังมาเป็นภรรยาของข้าในตอนนี้ ดังนั้นนอกจากจะรักคุณหมอยูแล้ว ข้าจะให้ความเคารพท่านด้วย ข้าคงเปลี่ยนคำศัพท์นี้ไม่ได้ คุณหมอยูครับ”
“คะ”
“ข้ารักท่านนะครับ” ฮวางจอง กล่าว
“ข้าก็รักท่านเหมือนกัน”
ที่เจจุงวอน หมอเอวิสัน บอกกับทุกคนเรื่องฮวางจอง
“คุณหมอฮวาง ได้มาพบผมในช่วงก่อนวันแต่งงาน และได้ลาออก...จากตำแหน่งหัวหน้าแพทย์ประจำของเจจุงวอนแล้ว คุณหมอฮวาง...ได้เสนอ ให้คุณหมอ เบ๊กโดยังมารับหน้าที่หัวหน้าแพทย์แทน ผมกับฮอร์ตั้น ได้ปรึกษากับคุณหมอโก ตัดสินใจให้คุณหมอเบ๊กมาเป็นหัวหน้าแพทย์ที่นี่ เพราะคุณหมอเบ๊กเป็นผู้ที่มีน้ำใจและยังมีความสามารถอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้ คุณหมอเบ๊กจะมารับหน้าที่หัวหน้าแพทย์เจจุงวอนต่อไป” เอวิสัน กล่าว
“ขอบคุณมากครับ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองต้องตกอยู่ในภาวะแสนทุกข์เข็ญ ข้าเบ๊กโดยัง ได้มีโอกาสเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าแพทย์...ของเจจุงวอนแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่เจจุงวอนกำลังถูกญี่ปุ่นกดดันจนเราต้องขาดยาและตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา เจจุงวอนของเรา ไม่เคยหวั่นเกรงและหวั่นไหวในสิ่งเหล่านี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ความพยายามของคุณหมอฮวางจอง อดีตหัวหน้าแพทย์ของเรา ต้องสูญเปล่าแน่” โดยัง กล่าว
“ขอบคุณมากครับ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองต้องตกอยู่ในภาวะแสนทุกข์เข็ญ ข้าเบ๊กโดยัง ได้มีโอกาสเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าแพทย์...ของเจจุงวอนแห่งนี้ ในช่วงเวลาที่เจจุงวอนกำลังถูกญี่ปุ่นกดดันจนเราต้องขาดยาและตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก แต่เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา เจจุงวอนของเรา ไม่เคยหวั่นเกรงและหวั่นไหวในสิ่งเหล่านี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ความพยายามของคุณหมอฮวางจอง อดีตหัวหน้าแพทย์ของเรา ต้องสูญเปล่าแน่” โดยัง กล่าว
“ฮะ ๆ ๆ นั่นหลานข้า เท่รึเปล่าหะ ดูยิ่งใหญ่ใช่มั้ย?” คูฮอน กล่าว
“โธ่เอ๊ย เค้าก็เป็นศิษย์ของข้านะ หืม” โอ กล่าว
“ฮะ ๆ ๆ” โอ และคูฮอน หัวเราะ
“เค้ากลับมาในตอนนี้ ก็ยังไม่สายเกินไป”
“เท่สุด ๆ ไปเลย นังนัง ข้าต้องสานความสัมพันธ์คุณหมอเบ๊กต่อให้ได้” มียอง กล่าว
“เคยเริ่มต้นกับคุณหมอเบ๊กด้วยเหรอ ข้าไม่เห็นรู้เลย ฮึ่ย” นังนัง กล่าว
เมื่อโดยังกลับมาที่เจจุงวอนก็เริ่มลงตรวจคนไข้ทันที
“คุณหมอเบ๊กโดยังมาแล้วครับ เรามีคนป่วยทั้งหมด 6 คน เป็นมาลาเรีย 2 คน ริดสีดวงทวาร 3 คน และคนป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบ 1 คน นี่เป็นคนไข้มาลาเรียครับ ตอนเข้าโรงพยาบาลมามีอาการไข้ขึ้นสูง ผอ.เอวิสันจึงได้ให้ยาควินินและแอนตี้ไพรินกับเค้าไปแล้วครับ” นักเรียนแพทย์ กล่าว
“มาลาเรียแบ่งเป็นระยะสั่น ระยะร้อน แล้วก็เป็นระยะเหงื่อออกครับ”
“ใครสามารถระบุอาการโดยรวมของโรคมาลาเรียได้บ้าง” โดยัง ถาม
“อุจจาระจะกลายเป็นสีแดงดำ” นักเรียน อีกคนตอบ
“อุจจาระจะกลายเป็นสีแดงดำ คนไข้จะมีอาการอาเจียน แล้วก็มีอาการไข้ด้วยครับ”
“มีแค่นี้เหรอ?”
“อาจมีอาการที่คนไข้เป็นลม ปอดอักเสบหรือหัวใจวายได้ด้วย”
“การที่ไม่ระบาดในหน้าร้อน คุณรู้มั้ยว่ามันเป็นเพราะอะไร?”
“เพราะมันมีระยะฟักตัว 1-2 สัปดาห์ แต่ก็อาจฟักตัวโดยใช้เวลาหลายเดือนก็ได้”
“เพอร์เฟกต์ ตอบได้ดีมาก”
“ว้าว ยอด” หลายคนกล่าว
“พวกเค้าดูเหมือนคุณหมอฮวางกับคุณหมอเบ๊ก ที่เคยแย่งกันเป็นที่หนึ่งเลยนะคะ” มียอง กล่าว
“หึ ๆ งั้นเหรอ? งั้นข้าขอถามอะไรทุกคนสักอย่างสิ วงการแพทย์มีอะไรที่สำคัญยิ่งกว่าการแข่งขันอีก หึ นั่นก็คือการร่วมแรงร่วมใจ มันจะทำให้พวกเจ้าก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งกว่าแข่งขันหลายเท่า” โดยัง กล่าว
“ครับ พวกข้าจะจำเอาไว้” นักเรียน แพทย์ กล่าว
“หะ นี่หมอเบ๊กโดยังกลายเป็นหัวหน้าแพทย์ที่มีตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าแผนกศัลยกรรม... โอ๊ย...”
“เอ่อ ใช่แล้วครับท่าน” คิมโทน กล่าว
“ท่านผอ.ครับ” ซาโต้ กล่าว
“ผมไม่เป็นไร”
“ท่านผอ.ใจเย็นไว้ก่อนครับ ระวังจะเกิดลมในช่องปอดท่านนะครับ” คิมโทน กล่าว
“หุบปากเสีย ๆ ของคุณได้แล้ว เฮ้อ ถึงผมจะหายใจไม่ทัน แต่ว่ามันเป็นเพราะผมโกรธต่างหาก สรุปว่าเบ๊กโดยังได้กลายเป็นหัวหน้าแพทย์ไปแล้ว นี่ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเราซักเท่าไหร่?” วาตานาเบ้ กล่าว
“มันน่าจะเป็นข่าวดีของเรานะ เราจะได้ วัดฝีมือกับเบ๊กโดยังกันไปเลย”
“ไม่ใช่เลย มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเบ๊กโดยังน่ะ ยังรับมือยากกว่าหมอ ...ฮวางจองตั้งหลายเท่าแน่ะ”
“ก็ไหนท่านเคยบอกว่าหมอฮวางจองเก่งกว่าเค้าไงครับ?” คิมโทน ถาม
“ตอนนี้ มันไม่ได้มองกันในมุมนั้นแล้ว เพราะเบ๊กโดยังน่ะ ดูจากที่ทำการผ่าตัดที่เจจุงวอน หรือว่าท่าทีที่ปฏิบัติต่อผู้ที่ผ่าตัดด้วย ต้องบอกว่าฝีมือพอกับฮวางจอง แต่ที่เค้าเหนือกว่าฮวางจองคือการตัดสินใจของเค้า”
“ถ้าพูดถึงเรื่องผ่าตัด ผมก็มีความมั่นใจนะครับ” ซาโต้ กล่าว
“อืม จริงอยู่ คุณเองก็ไม่เลว แต่ก็ยังสู้เบ๊กโดยังไม่ได้หรอก อา...แถมเบ๊กโดยังยังเคยอยู่ที่โรงพยาบาลฮันซองเราด้วย ดังนั้นเขาจึง...รู้จัก
เรามากกว่าใครทั้งนั้น เชอะ เท่ากับตอนนี้โรงพยาบาลของเรา ได้เลี้ยงงูเห่าให้มาเป็นภัยกับตัวเราเอง” วาตานาเบ้ กล่าว
“อืม” คิมโทน กล่าว
“แถมในเวลานี้ โรงพยาบาลเจจุงวอนใหม่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นคงจะมีเครื่องมือการแพทย์ที่เหนือกว่าพวกเรา พวกนั้นจะต้องก้าวล้ำพวกเราไปไกลแน่ อ้อ แต่ที่น่ายินดีก็คือฮวางจองไม่มีทางมาอยู่ในโรงพยาบาลใหม่กับเบ๊กโดยังแล้ว ฮะ ๆ”
“เอ่อ ท่านหมายความว่า ที่ฮวางจองไปอยู่กับทหารอาสา เป็นเรื่องน่ายินดีกับโรงพยาบาลเราเหรอครับ” คิมโทน ถาม
“จุดที่พวกเราต้องรับผิดชอบตรงนี้ก็คือสถานทูตญี่ปุ่น เดิมจะโจมตีรัฐบาลรักษาการ แต่เป็นเพราะยุทโธปกรณ์ของเรายังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ จึงปล่อยให้หน่วยอื่นไปทำแทน” ฮวางจอง กล่าว
“ไม่ ๆ ไม่นะ ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องดีซะมากกว่า เพราะว่าพวกเราคุ้นเคยกับสถานทูตญี่ปุ่นดี” โอ กล่าว
“ใช่ครับ ๆ”
“แถมสภาพของพวกเราตอนนี้ มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมตั้งเยอะแล้ว เราได้รวบรวมกองกำลัง ที่แตกพ่ายเข้ามาในกองกำลังทหารอาสา ถ้ารวมกับกองกำลังของหัวหน้าเชด้วย ก็เพิ่มมากขึ้นมาตั้ง 20 คนแล้ว” ชูชิก กล่าว
“มีคนมาเข้าร่วมกันเยอะ พอมีข่าวว่าคุณหมอฮวางจองกลับมาแล้ว ทุกคนก็แย่งกันมาเข้าร่วมกองกำลังกันใหญ่ ตอนนี้เท่าที่ข้าได้ตรวจกองกำลัง...เรามีถึงร้อยกว่าคนแล้ว”
“ข้าต้องขอบคุณจริง ๆ แต่เป็นเพราะพวกเรา ยังไม่เคยมีประสบการณ์การรบจริงทำให้รู้สึกห่วงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ข้าวางใจแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“ดังนั้นเราจึงอยากรีบเริ่มต้นในการทำการฝึกกองกำลังทหารอาสากลุ่มนี้โดยเร็ว ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่ามีภารกิจอะไรรออยู่” ชายอีกคนกล่าว
“เรายังมีทหารอาสาจากต่างถิ่นที่ยังเดินทางมาไม่ถึง หลังจากที่ทุกหน่วยได้ทำการปิดล้อมบริเวณนี้แล้ว ท่านแม่ทัพจะเป็นคนกำหนดเวลาให้เราก่อน ถึงตอนนั้นพวกเราจะปล่อยปละไม่ได้ จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด” ฮวางจองกล่าว
หลังประชุมวางแผนแล้วฮวางจองก็กลับมาที่บ้าน
“คุณหมอยูครับ ข้ากลับมาแล้วครับ”
“มาแล้วเหรอ?” ซ๊อกรัน กล่าว
“อืมครับ นี่ท่านกำลังทำอะไรอยู่เหรอครับ?” ฮวางจอง ถาม
“ข้ากำลังเลือกผ้าสวย ๆ จากกองผ้าของข้า เพราะบนเขามันหนาวน่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ๊ย ทำกับข้าวไว้แล้วด้วยเหรอ เอ่อ กลิ่นข้าวไหม้นี่ ดมแล้วให้ความรู้สึกหอมดีนะ”
“ข้าขอโทษด้วยนะ ทำตามที่มักเซงบอกแล้วแต่ก็ยังเป็นแบบนี้อีก” ซ๊อกรัน กล่าว
“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอก เพราะข้าคิดว่าจะไหม้ก็อร่อยหรือว่าไม่สุกดีก็อร่อย” ฮวางจอง กล่าว
“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอก เพราะข้าคิดว่าจะไหม้ก็อร่อยหรือว่าไม่สุกดีก็อร่อย” ฮวางจอง กล่าว
“ข้ายังไม่ทันได้ทำกับข้าวให้ท่านกินเลยซักมื้อ ท่านก็ต้องไปทำงานแล้ว” ซ๊อกรัน กล่าว
“ครับ เพราะว่ามันหมดวันที่ลาแล้ว ข้าก็เลยต้องกลับไป แถมข้ากำลัง...จะต้องกลับขึ้นไปบนเขาแล้ว ในช่วงเวลานั้น ท่านคงจะต้องเหนื่อยกับการดูแลคนไข้แย่แน่เลย ฮะ ๆ”
“ท่านกลับมาครั้งนี้ ข้าจะต้องทำกับข้าวไว้รอให้ได้ ถ้าเป็นแล้ว ข้าจะทำกับข้าวให้ท่านกินทุกวันเลย”
“โอ๊ย ขึ้นเขามาทั้งวันหิวจังเลย อื้ม กับข้าวนี่อร่อยจัง หุ ๆ” ฮวางจอง กล่าว
ฮวางจอง เดินทางมาส่งซ๊อกรันเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้าน
“ไม่ได้หรอก ให้ข้าไปส่งต่ออีกหน่อยนะ” ฮวางจอง กล่าว
“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะมีคนสะกดรอยตาม”
“ข้าจะไปเยี่ยมคุณหมออยู่บ่อย ๆ นะ” ฮวางจองกล่าว
“ต่อให้ท่านมาหาข้า...ก็แค่มองไกล ๆ ก็พอ”
“แหะ ไปทั้งทียังไม่ได้ทักทายท่านแม่ยาย ข้าต้องฝากขอโทษท่านแม่ยายด้วยนะ”
“ค่ะ” ซ๊อกรัน รับปาก
“ข้าจะมองท่านเดินจากตรงนี้นะ”
“ค่ะ”
“พวกเรา...ทำตามที่ตกลงกันไว้นะ”
“บอกลาเพื่อจะเจอกันใหม่ใช่มั้ย? ถ้างั้น ท่านก็คอยมองข้าจากตรงนี้ มองข้าเดินไปนะ”ซ๊อกรัน กล่าว
“อืม” ฮวางจอง รับปาก
เมื่อซ๊อกรัน กลับมาแล้วก็เข้าไปที่เจจุงวอน
“ตอนนี้คุณหมอฮวางสบายดีรึเปล่า?”เอวิสัน กล่าว
“ค่ะ เค้าสบายดี หมอฮอร์ตั้น ข้าคงทำให้ท่านเหนื่อยแย่สินะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ไม่เป็นไร ไม่ได้ลำบากอะไรมากหรอก แต่ว่าทำไมคุณถึงไม่ใส่แหวนเอาไว้ล่ะ? คุณไม่มีแหวนเหรอ?” หมอฮอร์ตั้น กล่าว
“อ้อ ไม่ใช่ค่ะ เพราะว่าไม่อยากจะให้ใครรู้ ก็เลยเอามาทำสร้อยคอแทนน่ะค่ะ คุณหมอฮวางเองก็ทำเหมือนกับข้าด้วย” ซ๊อกรัน กล่าว
“ความคิดคุณหมอฮวางสินะ” โดยัง ถาม
“ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“อ้อ จริงสิ เอ่อ ไม่ได้ยินข่าวของซึงยอนใช่มั้ย?” โดยัง ถาม
“ค่ะ มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“สุขภาพของนางไม่ค่อยดี ที่จริงควรจะพัก แต่คนไข้โรงพยาบาลโบกูมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ไม่มีเวลาได้พักผ่อน ถ้าสะดวกคุณหมอยูรีบไปช่วยเธอตรวจคนไข้หน่อยจะดีกว่า” โดยัง กล่าว
“ค่ะ งั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยละกัน”
“อย่าไปตามลำพัง พาชิลบกไปกับเจ้าด้วยนะ” โดยัง กล่าว
“ค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” ซ๊อกรัน ถาม
“กลางวันวันก่อนน่ะ ตอนนั้นข้าเป็นลมหมดสติไป แต่ไม่เป็นไรแล้ว”
“ตอนแรกข้าก็บอกเจ้าแล้วไงว่าให้พักผ่อนน่ะ”
“แค่ก ก็คนไข้มากันตั้งเยอะแยะ เป็นเจ้าจะยอมพักเหรอ?” ซึงยอน กล่าว
“แต่ก็ต้องหาเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้างสิ”
“เข้าใจแล้ว ต่อไปเจ้าว่ายังไงข้าก็ทำอย่างนั้น โอเค?” ซึงยอน กล่าว
“ก็ดี ดีมาก”
“แล้วตอนนี้เจ้าสบายดีรึเปล่า?” ซึงยอน ถาม
“อืม”
“สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้พวกเจ้าต้องอยู่ห่างกัน คนรักกันจะได้อยู่ด้วยกันสักที มันก็แสนจะยากลำบาก คงต้องรอบ้านเมืองสงบแล้ว คุณหมอฮวางถึงจะได้อยู่...กับเจ้าอย่างหายห่วงซักที”
“ไม่เป็นไรหรอก” ซ๊อกรัน กล่าว
ซ๊อกรัน เจอชิลบก ก็ถามว่าเป็นบุรุษพยาบาลแล้วสนุกรึเปล่า
“ก็สนุกดีหรอกครับ แต่คนก็ชอบล้อว่าข้า ไปทำงานของผู้หญิงน่ะ” ชิลบก กล่าว
“แล้วทำมั้ย?”
“ต้องทำต่อไปสิครับ ข้าจะพยายามทำอย่างดีเลย ข้าคงจะอยู่ที่นี่ไปตลอดแล้วล่ะ”
“เอ่อ ครับคุณหมอยู” ชิลบก ถาม
“ตอนนี้คนที่ตามเรามา มีกี่คนเหรอ?”ซ๊อกรัน กล่าว
“ตอนแรกตามมา 2 คน ตอนนี้ก็น่าจะแค่ 2 คน” ชิลบก กล่าว
“ตอนนี้ข้าจะขอไปดูดวงตรงนั้นซักหน่อย อย่าปล่อยให้ใครเข้าใกล้ข้านะ เจ้าคอยเฝ้าอยู่ตรงนี้แหละ”
“เอ่อ คุณหมอไม่เชื่อเรื่องนี้นี่”
“รู้สึกปัญหาเยอะเลยอยากดูหน่อยน่ะ”ซ๊อกรัน กล่าว
“เอ่อ ก็นั่นสินะ ท่านไปดูเถอะข้าจะเฝ้าตรงนี้เอาไว้ให้เอง”
“ฮื้อ ๆ...ถ้างั้นก็โปรดบอกเวลาตกฟากของท่านมา” ฮวางจอง ที่ปลอมตัวมาดัดเสียงแหบ
“ท่านรู้เวลาตกฟากข้าดีนี่นา” ซ๊อกรัน กล่าว
“ข้าจะรู้ของท่านลูกค้าได้ไง แค่ก ๆ” ฮวางจอง กล่าว
“ไม่นานหรอก เพราะข้ารู้เวลาที่คุณหมอจะผ่านมา ก็เลยมารอก่อนเวลานั้นแค่ 10 นาทีเอง ในเวลานี้ พวกคนที่เจจุงวอน สบายดีรึเปล่า?
ชิลบกเขาดูไม่เลวเลยนะ” ฮวางจอง กล่าว
“ท่านคงจะได้ข่าวมาแล้วมั้ง” ซ๊อกรัน ถาม
“ข้าอยากจะได้ยินจากปากของคุณหมอยูเองน่ะ” ฮวางจอง กล่าว
“ทุกคนสบายกันดีค่ะ คุณหมอเบ๊กมารับช่วงของคุณหมอฮวางแล้วก็ทำได้ดีไม่มีความผิดพลาด”
“ข้าไม่เป็นห่วงเรื่องคุณหมอเบ๊กหรอก ข้ารู้ว่าเค้าต้องทำได้ดีแน่”
“แต่ตอนนี้ ซึงยอนเพื่อนของข้า ล้มป่วยเพราะเหนื่อยจนเกินไป” ซ๊อกรัน กล่าว
“อืม มีหมอยูคอยช่วยอีกเดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น” ฮวางจอง กล่าว
“ข้าจะดูแลเค้าเอง แต่ว่าทำไมถึงได้มาหาข้าล่ะ แค่ไม่นานก็คิดถึงข้าแล้วเหรอ?” ซ๊อกรัน กล่าว
“ฮะ ๆ มันแน่อยู่แล้ว ที่ข้ามาก็เพราะว่าคิดถึงคุณหมอยู แต่ก็มีสาเหตุอีกอย่างนึง” ฮวางจอง กล่าว
“วันลงมือได้ถูกกำหนดแล้ว ข้าก็เลยอยากจะมาเยี่ยมคุณหมอยู”
“ท่านไม่เป็นอะไรหรอก” ซ๊อกรัน กล่าว
“เรื่องนั้นแน่นอน ฮะ ๆ ข้าต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้วครับ ข้าก็แค่อยากจะมีโอกาสมาพบมาเห็นหน้าภรรยาของข้าเท่านั้น อีกอย่างนึง ข้าก็ยังอยากที่จะจับมือภรรยาของข้าด้วย” ฮวางจอง กล่าว
“งั้นดูลายมือให้หน่อยสิ” ซ๊อกรัน กล่าว
ทหารญี่ปุ่นที่คอยสะกดรอยตามซ๊อกรัน กลับมารายงานให้ทูตญี่ปุ่นรู้
“วันนี้มีเรื่องพิเศษเรื่องนึงครับ หลังจากกลับจากโรงพยาบาลโบกู ได้ยินว่านางไปดูดวงและดูลายมือที่ตลาดด้วย”
“หึ คงจะกลุ้มใจที่ชีวิตพักนี้ไม่ค่อยราบรื่นสินะ”
“น่าจะใช่ครับ” ทหารญี่ปุ่น กล่าว
“ตอนนี้มีคนสะกดรอยหมอผู้หญิงเจจุงวอนคนนั้นอยู่ทั้งหมดกี่คนล่ะ?”
“ปกติ มีคนตามอยู่ 2 คนครับ แถวบ้านเธอ มีคนเฝ้าอีก 6 คนครับ” ทหารญี่ปุ่น รายงาน
“ตอนนี้คงจะต้องถอนคนกลับมาให้หมด” ทูตญี่ปุ่น กล่าว
“ท่านหมายความว่า...”
“มีคนรายงาน...จากรัฐบาลรักษาการว่าคนพวกนั้นเคลื่อนไหวแล้ว และในคืนนี้ ให้ทหารของจักรวรรดิญี่ปุ่นทั้งหมดมารวมตัวกัน เพื่อจะไปปฏิบัติภารกิจการกวาดล้างครั้งใหญ่”
“พวกเราจะต้องไปด้วยมั้ยครับ?” ทหารญี่ปุ่น ถาม
“ทหารของสถานทูตไม่ต้องไปด้วย พวกเจ้าไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก...คอยสังเกตการณ์ก็พอ”
“ไฮ้” ทหารญี่ปุ่น กล่าว
ชักแท วิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกโดยังว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
“ญี่ปุ่นระดมพลเพื่อจัดการทหารอาสา จนทหารอาสาส่วนใหญ่ ไม่บาดเจ็บก็ล้มตาย” โดยัง กล่าว
“แล้วคนที่รอดชีวิตล่ะคะ?” ซ๊อกรัน ถาม
“น่าจะแตกกระจายออกไป คุณหมอยูครับ คุณหมอฮวางต้องไม่เป็นอะไร ถ้าเค้าบาดเจ็บคงมาที่นี่แล้ว” ชักแท กล่าว
“คงไม่เป็นไรนะ”
“ข้าเองก็หวังไว้อย่างนั้น แต่ว่าซ๊อกรัน มีวิธีที่พอจะติดต่อคุณหมอฮวางได้รึเปล่า?” โดยัง ถาม
“ก็พอจะมีอยู่” ซ๊อกรัน กล่าว
ซ๊อกรัน กับชิลบก รีบเดินทางออกมาเพื่อไปตรวจคนไข้
“โอ๊ย ๆ คุณหมอยูครับ ทำไมถึงเดินเร็วนักล่ะครับ เอ๊ะ ตรงนี้เคยมีหมอดูมาเปิดแผงอยู่นี่” ชิลบก กล่าว
“พวกเรารีบไปเถอะ คนไข้กำลังรอพวกเราอยู่” ซ๊อกรัน กล่าว
“ครับ”
“กินหลังอาหารวันละสามครั้ง กินซักสามวันนะ” ซ๊อกรัน บอกคนไข้
“ขอบคุณมากค่ะ”
“คุณหมอยู” แองเจล่า เรียก
“อ้อ ขอโทษด้วยค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“มีเรื่องอะไรเหรอ ฉันเห็นคุณเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว” แองเจล่า ถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่สบายตรงไหนคะ?” ซ๊อกรัน ถามคนไข้
ชิลบก เห็นซ๊อกรัน ผิดปกติก็เข้าไปถาม
“เป็นเพราะหมอดูคนนั้นใช่มั้ยครับ?”
“พวกเรารอตรงนี้ซักพักนะ” ซ๊อกรัน บอกทุกคน
“อ้อครับ แต่...ที่อื่นก็มีหมอดูเก่ง ๆ นะ” ชิลบก กล่าว
ซ๊อกรัน นั่งรอหวังว่าจะเจอฮวางจอง เมื่อเวลาผ่านไปนาน ชิลบกจึงมาบอกว่าควรจะเดินทางต่อได้แล้วเพราะได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว
“นั่นสินะ ไปเถอะ”
ทูตญี่ปุ่นแจ้งกับวาตานาเบ้ ว่าหลังจากกวาดล้างกองกำลังทหารอาสา โดยไม่ทันให้ตั้งตัว ทำให้กองทัพพวกมันไม่มีกำลังพอจะก่อการในฮันซองได้อีกแล้ว
“เอ่อ แล้วเจ้าฮวางจองเป็นยังไงบ้างครับ?” วาตานาเบ้ ถาม
“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฮวางจองมันเป็นหรือตาย แต่ต่อให้ไม่ตาย ถ้าคิดจะระดมทหารขึ้นที่นี่อีกคงเป็นไปไม่ได้ แถมยังกลับไปที่เจจุงวอนอีกก็ไม่ได้ด้วย ใช่รึเปล่า?
“เอ่อ แปลว่า จะหยุดการตามล่าฮวางจองรึเปล่าครับ?”
“จะหยุดค้นหาไม่ได้ ตราบใดที่มันยังอยู่ก็ต้องคอยสร้างปัญหาให้กับพวกเราอีกแน่ ไอ้เจ้านี่ ถ้าหากยังไม่อาจจับกุมเอาตัวมันมาเพื่อประหารชีวิตได้ เราจะไม่หยุดตามหามัน”
“ไฮ้ จะต้องตามจับตัวมันมาให้ได้” วาตานาเบ้ กล่าว
มองชง เข้ามาหาซ๊อกรันเพื่อบอกข่าวของฮวางจอง
“มองชง แล้วคุณหมอฮวางล่ะ?”
“เค้าปลอดภัยดีครับ ที่ข้าวิ่งมาไม่หยุด ก็เพื่อจะมาส่งข่าวนี่แหละครับ เอ่อ เค้าบอกว่าเค้าจะมาร่วมในพิธีเปิดโรงพยาบาลเจจุงวอน เซเวอแรนส์ครับ ให้ข้ามาบอกว่า คุณหมอยูต้องรักษาสุขภาพให้ดี คุณหมอคงเข้าใจนะ” มองชง กล่าว
“ฟู่ ๆ เฮ้อ...” ซ๊อกรัน ถอนหายใจ
เมื่อถึงวันที่เปิดโรงพยาบาลเจจุงวอน เซเวอแรนส์ มีคนมาร่วมงานจำนวนมาก
“ยินดีด้วยกับการเปิดโรงพยาบาลใหม่” ทูตญี่ปุ่น กล่าว
“ขอบคุณท่านทูตมาก” เอวิสัน กล่าว
“คุณหมอเบ๊ก ยินดีด้วย” วาตานาเบ้ กล่าว
“ไฮ้ ว้าว คุณหมอยูซ๊อกรัน เอ่อ ยินดีด้วยจริง ๆ ฮะ ๆ ๆ อืม แต่ว่าวันดี ๆ แบบนี้ กลับไม่มีคุณหมอฮวางอยู่ ถ้าเค้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดีนะฮะ ๆ ๆ” วาตานาเบ้ กล่าว
“ทำตัวเป็นธรรมชาติไว้ครับ” ฮวางจอง กล่าว
“ค่ะ” ซ๊อกรันกล่าว
“เฮ้อ ในที่สุดก็ได้เปิดแล้ว ข้าเคยฝันไว้ว่า จะได้รักษาคนไข้กับคุณหมอยูในโรงพยาบาลนี้” ฮวางจอง กล่าว
“จะต้องมีวันนั้นแน่” ซ๊อกรัน กล่าว
“เราคงจะตั้งกองกำลังทหารอาสาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว”
“งั้นก็แปลว่า...”
“เราได้รับข่าวจากแม่ทัพฮงที่ก่อการในแมนจูเรีย ว่าเค้ากำลังต้องการแพทย์ทหารไปที่นั่น และทันทีที่ข้าได้ยินข่าวนี้ ก็รู้สึกว่าสมองข้ามันแจ่มชัดขึ้นทันที ถึงจะไม่สามารถจับปืนมาทำสงครามได้ แต่การที่เป็นหมอ ไปช่วยรักษากองกำลังทหาร ก็เป็นการทำสงครามเพื่อบ้านเมืองเหมือนกัน ช่วงก่อนเพราะหน้าที่ผู้นำกองกำลังทหาร ทำให้ลืมไปว่าตัวเองเป็นหมอคนนึง ตอนนี้ข้าพบวิธีใหม่ที่จะ สามารถทำสงครามเพื่อบ้านเมืองเราได้แล้ว”
“ก็แปลว่า ท่านต้องไปที่แมนจูเรียเหรอ? ถ้างั้นข้าจะไปกับท่าน” ซ๊อกรัน กล่าว
“ที่แบบนั้น ให้ข้าไปคนเดียวคงจะเหมาะสมมากกว่า”
“ไม่ได้ ท่านจะไปคนเดียวไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสาบานแล้วว่าจะเป็นสามีภรรยากันตลอดไป ขอแค่ได้อยู่กับคุณหมอฮวาง อยู่ที่ไหนข้าก็ไม่กลัว ไปกันเถอะ ไปด้วยกัน” ซ๊อกรันกล่าว
ซ๊อกรัน บอกกับแม่ว่าจะตามฮวางจองไปที่แมนจูเรีย“มักเซง ลูกข้ากำลังพูดอะไรเนี่ย” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“เอ่อ คุณหนูจะตามคุณหมอฮวาง ไปที่แมนจูเรียค่ะ”
“ซ๊อกรันจ๊ะ แม่สร้างกรรมอะไรไว้เหรอ แม่ทำความผิดอะไรไว้ อายุปูนนี้แล้วยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก”
“คุณหนู อย่าไปเลยนะคะ ถึงคุณหนูไป ก็รังแต่จะเป็นภาระให้คุณหมอฮวาง”
“นั่นสิ ถ้าลูกติดตามพวกประกาศเอกราชไปที่นั่น ลูกจะไปทำอะไรได้ หะ?”
“มันมีเรื่องที่ข้าทำได้อยู่” ซ๊อกรัน กล่าว
“เจจุงวอนก็มีเรื่องให้ลูกทำนี่นา โรงพยาบาลเจจุงวอนใหม่ก็เพิ่งจะเปิดตัวเอง คนไข้ที่นั่นก็ต้องการการรักษานะ” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“ที่นั่นมีหมอฮอร์ตั้นอยู่แล้วนี่คะ”
“มักเซง เจ้ามาช่วยข้ากล่อมนางทีสิ”
“ถ้าจะไปจริง ก็ต้องไปเงียบ ๆ”
“มักเซง” แม่ซ๊อกรัน กล่าว
“อย่าได้บอกกับใครในเจจุงวอนเด็ดขาดนะ ถ้าจะบอกจริงก็บอกแค่...คุณชายเบ๊กคนเดียวก็พอ” มักเซง กล่าว
“โอ๊ย...”
“จ้ะ ก่อนไปข้าจะต้อง...ไปที่โรงพยาบาลโบกูก่อน ซึงยอนเค้าป่วยหนักอยู่”
“เฮ้อ...”
ฮวางจอง มาลาชักแท ก่อนที่จะต้องไปแมนจูเรีย
“ข้าไม่ควรจะพูดเล้ย เมื่อก่อนข้าชอบบอกว่าไปต้าชิง ตอนนี้เจ้ากลับต้องไปแมนจูเรีย”
“ถ้าเจ้าตายข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เข้าใจมั้ย?”
“ชะตาชีวิตข้า เจ้าน่าจะรู้ดีกว่านะ” ฮวางจอง กล่าว
“ทำไมคุณหมอยูถึงยังไม่มาอีก นัดว่าเจอกันที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” ชักแท กล่าว
“เดี๋ยวก็คงมา” ฮวางจอง กล่าว
“คุณหมอฮวาง” โดยัง กล่าว
ซ๊อกรัน มาเยี่ยมซึงยอน ที่โรงพยาบาล
“ซึงยอน มันอะไรกันเนี่ย?”
“ลิวคีเมียระยะสุดท้าย”
“หะ ซึงยอน” ซ๊อกรัน กล่าว
“เธอยอมอดทนต่อความเจ็บปวด เพื่อที่จะรักษาคนป่วยให้มากที่สุด ทำให้อาการเธอทรุดหนัก” แองเจล่า กล่าว
“แต่คุณควรจะห้ามเธอนี่”
“ซึงยอน...ซึงยอน อย่าเป็นอย่างนี้สิ เป็นอย่างนี้ได้ยังไง?” ซ๊อกรัน ร้องไห้
“ข้าน่ะ...ข้าไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าข้ามีเจ้าอยู่ ข้าไปก็คง...จะไปได้อย่างสบายใจ เรื่องคนไข้ ฝากด้วยนะ”
“ซึงยอน” ซ๊อกรัน กล่าว
“ซ๊อกรัน ขอโทษด้วยนะ”
“ซึงยอน ๆ โฮ...ซึงยอน ซึงยอน ฮือ ๆ... ซึงยอน ๆ ฮือ ๆ...ซึงยอน” ซ๊อกรัน ร้องไห้
เวลาผ่านไปซ๊อกรันยังไม่มาตามนัด โดยังเห็นว่าผิดปกติ
“ซ๊อกรันเป็นคนที่ไม่เคยผิดนัดมาก่อนเลยนี่นา” โดยัง กล่าว
“หรือคุณหมอจะถูกพวกญี่ปุ่นพัวพันเอาไว้” ชักแท กล่าว
“อ้อ มาโน่นแล้ว” โดยัง กล่าว
“คุณหมอยูครับ เกิดอะไรขึ้น เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ซึงยอนเสียชีวิตแล้ว” ซ๊อกรัน กล่าว
“หะ?”
“นางเอาแต่รักษาคนไข้ ไม่ยอมดูแลตัวเอง”
“รถไฟจะออกแล้วครับ” ชักแท กล่าว
“เอาล่ะ พวกเราคงต้องไปแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“ทางซึงยอนน่ะ ข้าจะไปช่วยเอง” โดยัง กล่าว
“ข้า.. คงไปแมนจูเรียไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะ เพราะข้าเองก็ลืมไปว่าข้าเป็นหมอเหมือนกับคุณหมอฮวาง ท่านทำเพื่อคนไข้ที่ต้องการหมอ เลยต้องไปที่แมนจูเรีย ข้าเองก็ต้องอยู่ที่นี่เพื่อรักษา...คนไข้เหมือนกันค่ะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“พูดอะไรของเจ้าเนี่ย? ข้าบอกแล้วว่าจะไปช่วยที่นั่น” โดยัง กล่าว
“ไม่เป็นไรครับ” ฮวางจอง กล่าว
“คุณหมอฮวาง” โดยัง กล่าว
“ก่อนที่คุณหมอยูจะมา...เป็นภรรยาของข้า ก็เป็นหมอมาก่อน ข้าจะเคารพการตัดสินใจ ของคุณหมอยูเสมอ”
“ข้าขอโทษนะ” ซ๊อกรัน กล่าว
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ” ชักแท กล่าว
“ข้าคงต้องไปแล้ว” ฮวางจอง กล่าว
“คุณหมอฮวาง” ซ๊อกรัน ร้องไห้
เวลาผ่านไป 5 ปี ที่โรงพยาบาล โดยังตรวจคนไข้เด็ก
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?”
“โตขึ้นข้าก็อยากจะเป็นหมอครับ”
“ทำไมล่ะ?” โดยัง ถามต่อ
“ข้าอยากจะเป็นเหมือนกับคุณหมอ ที่สามารถช่วยชีวิตของคนไข้ทุกคนได้ครับ”
“ลูกข้าบอกว่าชอบคุณหมอที่สุดในโลกเลย” แม่ของเด็กกล่าว
“แล้วชอบข้าตรงไหนล่ะ?”
“ชอบทุกอย่างเลยครับ”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่ ไปรับยาข้างนอกนะครับ” โดยัง กล่าว
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
“แล้วพบกันใหม่ครับ” เด็กชาย กล่าว
“ดีมาก ไว้ค่อยเจอกันนะ” โดยัง กล่าว
ที่แมนจูเรีย ซ๊อกรัน ได้มาหาฮวางจอง
“คุณหมอฮวาง”
“ข้าจะสร้างโรงพยาบาลของเราขึ้นที่นี่” ฮวางจอง กล่าว
“งั้นก็สร้างโรงเรียนแพทย์ด้วยนะ” ซ๊อกรัน บอกสามี
** อวสาน **